แผลร้อนในปาก หรือที่เรียกว่า ร้อนใน ที่หลายๆ คนต่างก็คงเคยมีแผลร้อนในเกิดขึ้นที่ปาก กระพุ้งแก้ม ลิ้น เหงือก หรือเป็นทั่วทั้งบริเวณปากก็ได้ ซึ่งอาการของแผลร้อนในปากนั้นไม่ได้มีความรุนแรงมากนัก เมื่อมีอาการ 1-2 สัปดาห์ อาการแผลร้อนในปากก็จะหายเองเป็นปกติ โดยวันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับการเกิดแผลร้อนในปาก และวิธีรักษาเมื่อมีอาการ
ลักษณะของแผลร้อนในปากที่หลายคนต้องรู้
ถึงแม้ว่าแผลร้อนในปาก จะเป็นอาการที่ไม่มีความรุนแรง แต่อาการเหล่านี้ก็มักเกิดขึ้นบ่อยครั้งกับกลุ่มคนทั่วไป เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย โดยส่วนใหญ่แล้วแผลร้อนในปากจะเกิดขึ้นภายในช่องปาก ไม่ว่าจะเป็นที่ลิ้น กระพุ้งแก้ม เหงือก บริเวณริมฝีปาก ซึ่งผู้ที่เป็นจะมีอาการบวมแดงขึ้นที่ปาก พบแผลบริเวณช่องปาก
นอกจากนี้ บริเวณลิ้นจะมีฝ้าขาว หรือเป็นฝ้าสีเหลืองเกาะอยู่ที่ลิ้น ซึ่งอาการแผลร้อนในในบางรายนั้นอาจทำให้มีอาการไข้ขึ้นด้วยก็ได้ ซึ่งถ้าหากพบว่าอาการแผลร้อนในปาก มีความรุนแรงขึ้น อาทิเช่น พบแผลที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ลุกลามไปทั่วปาก ทำให้การรับประทานอาหารเป็นไปด้วยความยากลำบาก พร้อมทั้งมีไข้สูง ให้รีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อทำการรักษา
สาเหตุที่ทำให้เกิดแผลร้อนในปาก
ถ้าจะพูดถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดแผลร้อนในปากนั้น ต่างก็มีสาเหตุต่างๆ มากมายที่เชื่อมโยงให้เกิดอาการดังกล่าว ซึ่งบางครั้งแผลร้อนในปาก อาจจะเกิดการติดต่อทางพันธุกรรมซึ่งคนในครอบครัวเคยเป็นหรือกำลังเป็นอยู่ ทำให้เกิดการติดต่อกัน หรืออาจจะเกิดจากปัจจัยอื่นไม่ว่าจะเป็น
- เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัส ที่เกิดขึ้นในช่องปาก
- ฮอร์โมนภายในร่างกายมีความเปลี่ยนแปลงไป
- ภูมิคุ้มกันร่างกายมีความบกพร่อง
- มีภาวะความเครียดสูง
- นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ
- การขาดสารอาหารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแร่ธาตุหรือวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
- อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นในช่องปาก หรือมีสิ่งกดทับบริเวณช่องปาก
วิธีรักษาแผลร้อนในปากด้วยตนเอง
1.ดูแลรักษาสุขภาพช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอ ด้วยวิธีการแปรงฟันที่ถูกหลักอนามัย และการเลือกขนแปรงที่มีความอ่อนนุ่ม โดยแปรงฟันวันละ 2 ครั้งต่อวัน
2.ไม่ควรใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์จำนวนมาก เพราะจะทำให้แผลที่เกิดขึ้นในช่องปากมีความตึง และแสบซึ่งมีผลจากแอลกอฮอล์นั่นเอง
3.ใช้น้ำเกลือในการบ้วนปากทุก 2 ชั่วโมง หรือหลังการรับประทานอาหาร เพราะน้ำเกลือจะช่วยไปสมานแผลที่อยู่ในช่องปากได้
4.ถ้าเกิดแผลในช่องปากเกิดลุกลาม หรือมีขนาดใหญ่ อาจจะใช้สำลี หรือผ้าก็อตชุบน้ำเช็ดบริเวณลิ้นเหงือก และใช้แทนการแปรงฟันก็ได้
5.ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ เพราะการเกิดแผลร้อนในปากอาจจะเกิดจากการดื่มน้ำน้อยก็ได้
6.หลีกเลี่ยง หรืองดการรับประทานอาหารที่มีรสจัด เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองจากแผลในช่องปากได้
7.หากิจกรรมที่ทำให้จิตใจผ่อนคลาย ไม่ให้เกิดความเครียดจนเกินไป
8.ถ้าหากทำตามขั้นตอนดังกล่าวที่แนะนำมานี้ทั้งหมดแล้ว หากอาการยังไม่ดีขึ้น หรือมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วนเพื่อทำการรักษา
แผลร้อนในปาก เป็นปัญหาสุขภาพที่ถือว่าพบได้บ่อยในกลุ่มคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กหรือผู้ใหญ่ ก็สามารถมีอาการของแผลร้อนในได้ด้วยกันทั้งนั้น และการที่จะป้องกันไม่ให้เกิดแผลร้อนใน ควรที่จะหมั่นดูแลสุขภาพช่องปากให้ดี รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ ให้มีความเหมาะสม
ซึ่งถ้าหากเกิดแผลร้อนในขึ้นที่ปากแล้วนั้น ถ้าไม่มีการดูแลที่ถูกวิธี ก็จะทำให้อาการเล็กน้อยเหล่านี้ เกิดการลุกลาม หรือมีภาวะแทรกซ้อนตามมา ไม่ว่าจะเป็น อาการไข้ที่เกิดจากแผลในปาก ความอ่อนเพลีย หรืออาการอื่นๆ ที่จะตามมาโดยที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว วันนี้เราจึงนำวิธีการป้องกันที่ถูกต้องมาแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จัก และนำไปปฏิบัติเมื่อเกิดอาการแผลร้อนในปาก