เชื่อว่าอาการเจ็บตาเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย และเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ทำให้หลาย ๆ คนอาจจะมองข้ามผลกระทบที่จะตามมา ดวงตาของคนเราเป็นสิ่งที่มีความเปราะบางมากกว่าอวัยวะอื่น ๆ หากเกิดสิ่งกระตุ้นบางอย่าง เช่น ฝุ่นละออง  สารเคมี หรือแรงกระแทก ก็อาจจะทำให้ดวงตาของเราเกิดอาการระคายเคืองได้ ในบางรายอาจจะส่งผลกระทบจนก่อให้เกิดโรคเส้นประสาทตาอักเสบ นำไปสู่อาการตาบอดชั่วคราวหรือถาวร! แล้วเจ็บตาขนาดไหน? ถึงจะรู้ว่ากำลังอันตราย วันนี้จึงขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับอวัยวะชิ้นสำคัญอย่าง “ดวงตา” ให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงแนวทางการดูแล รักษาก่อนที่จะเสียดวงตาไปแบบไม่รู้ตัว

เจ็บตาอย่ามองข้าม เพราะดวงตาคืออวัยวะสำคัญ

ดวงตาเป็นหนึ่งในอวัยวะของร่างกายมนุษย์ ซึ่งมีส่วนสำคัญมากในการดำเนินชีวิตประจำวัน ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ เราใช้งานดวงตามาก 70–80% ต่อวัน ดวงตานั้นประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ Cornea (กระจกตา), Crystalline Lens (เลนส์แก้วตา) และ Retina (ประสาทตา) ซึ่งจะช่วยให้ดวงตาของเรามองเห็นและรับรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ รวมถึงช่วยให้เราปรับตัวกับสภาพแวดล้อม เช่น เวลากลางวันหรือเวลากลางคืน ซึ่งระบบประสาทตาของมนุษย์มีความซับซ้อนที่สามารถทำให้เห็นภาพ 3 มิติได้

เจ็บตาขนาดไหน จึงเป็นโรคเส้นประสาทตาอักเสบ?

อาการเจ็บตานั้นนำไปสู่โรคได้อย่างหลากหลาย ในบางรายอาจจะเกิดการอักเสบจากสารกระตุ้นบางอย่าง เช่น สารเคมี มลพิษ หรือ ฝุ่นละออง สามารถใช้ยาหยอดตาหรือทานยาแก้อักเสบด้วยตัวเองได้ แต่ถ้าคุณมีอาการดังต่อไปนี้ ห้ามมองข้ามเด็ดขาด

  • เจ็บตาข้างเดียว ผู้ป่วยส่วนมากมักจะมีอาการเจ็บตาข้างเดียว แต่ถ้าหากเจ็บตามสองข้างอาจจะเป็นอาการที่นำไปสู่โรคปลอกประสาทอักเสบ
  • เจ็บตาเมื่อกลอกตาไปมา ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บในตาลึก ๆ อยู่ภายใน
  • สายตาพล่ามัว ไม่ได้หมายถึงอาการของคนที่มีปัญหาทางสายตา เช่น สายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง ที่อาจจะเกิดอาการพล่ามัวตามระยะของการมองเห็นอยู่แล้ว แต่อาการของคนที่เป็นโรคเส้นประสาทตาอักเสบจะเกิดอาการสายตาพล่ามัวอย่างฉับพลันภายใน 3–7 วัน
  • มองเห็นสีผิดพลาด ผู้ป่วยมักจะมีอาการมองเห็นสีผิดเพี้ยนไปจากปกติ เช่น ไม่สามารถแยกสีแดงและสีเขียวออกจากกันได้

ความอันตรายของโรคเส้นประสาทตาอักเสบ?

โรคเส้นประสาทตาอักเสบ เกิดจากความเสื่อมของปลอกหุ้มเส้นประสาทตา ซึ่งสาเหตุที่พบในผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ คือ ภาวะภูมิคุ้มกันในร่างกายเกิดการต่อต้านเนื้อเยื่อของตัวเอง โดยส่วนมากผู้ป่วยที่เป็นโรคเส้นประสาทตาอักเสบจะมีอาการของไขสันหลังอักเสบร่วมด้วย เมื่อหลังจากที่ปลอกหุ้มเส้นประสาทตาเกิดความเสื่อม จะทำให้สูญเสียการนำสัญญาณบริเวณดวงตาและสมอง จากนั้นจะส่งผลกระทบให้การมองเห็นของผู้ป่วยแย่ลงเรื่อย ๆ ในบางรายอาจจะสูญเสียการมองเห็นแบบชั่วคราว แต่ในบางรายก็อาจจะต้องสูญเสียการมองเห็นไปตลอดชีวิต

แนวทางการรักษาโรคเส้นประสาทตาอักเสบ

ถ้าเกิดปัญหากับดวงตาและกังวลว่าอาจจะกลายเป็นเส้นประสาทอักเสบ ขอแนะนำแนวทางการรักษาโรคเบื้องต้น ดังนี้

  • สามารถกลับมามองเห็นได้ด้วยตัวเอง เมื่อเวลาผ่านไปดวงตาจะรักษาตัวเองและฟื้นฟูให้กลับมามองเห็นได้อีกครั้ง แต่ผลกระทบอาจจะทำให้มองเห็นสีผิดเพี้ยนไปจากสีจริงได้
  • ให้ยาสเตียรอยด์ เมื่อแพทย์ประเมินอาการและความเสี่ยงเรียบร้อยแล้ว ผู้ป่วยบางรายอาจจะได้รับยาทางเส้นเลือดจำพวกสเตียรอยด์ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคปลอกประสาทอักเสบ แต่จะช่วยป้องกันแค่ในช่วง 3 ปีแรกเท่านั้น ในระยะยาวยังไม่มีการรับประกันว่าการให้ยาทางเส้นเลือดจะช่วยป้องกันการเกิดโรคดังกล่าวได้

ป้องกันดวงตาของคุณก่อนจะเป็นโรคเส้นประสาทตาอักเสบ

เพื่อดวงตาที่มีความสดใสอยู่เสมอ คุณควรรู้วิธีป้องกันไม่ให้เกิดโรคเส้นประสาทตาอักเสบง่ายจนเกินไป ดังนี้

1.งดสูบบุหรี่

การสูบบุหรี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง นำไปสู่การเป็นโรคเส้นประสาทตาอักเสบ อีกทั้งยังนำไปสู่โรคอื่น ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคปอด หรือโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ เป็นต้น

2.สังเกตดวงตาเสมอ

สังเกตความผิดปกติของดวงตาอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าจะเป็นอาการเจ็บปวดเพียงเล็กน้อย คุณก็ควรสังเกตความผิดปกติของดวงตาอยู่เสมอ ซึ่งอาจจะทดลองกลอกตาไปมา หรือทดลองมองสิ่งต่าง ๆ ว่ายังมองเห็นได้ชัดเจนเหมือนเดิมหรือไม่?  หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 3 วัน ควรไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด

3.ทานอาหารมีประโยชน์

ทานอาหารที่มีประโยชน์กับดวงตา อาหารที่มีประโยชน์กับดวงตานั้นจะเป็นอาหารจำพวกวิตามินเอ ที่จะมีส่วนช่วยในการบำรุงดวงตาและกระตุ้นการเจริญตบโตของเซลล์ วิตามินเอมักจะอยู่ในผักใบเขียวหรือผักที่มีสีเหลืองส้ม ยกตัวอย่างเช่น ผักบุ้ง, แครอท หรือฟักทอง เป็นต้น

4.ออกกำลังกาย

ออกกำลังกายดวงตาอยู่เสมอ ซึ่งการออกกำลังกายดวงตานั้น สามารถทำได้ง่าย ๆ เช่น การกลอกตาไปมา ช่วยกระตุ้นให้ดวงตาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

5.พักสายตาบ้าง

พักสายตาระหว่างวัน ยิ่งวัยทำงานหรือวัยเรียน ต้องใช้สายตามากเป็นพิเศษ การพักสายตาระหว่างวันจะช่วยให้ดวงตารู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น หรือในระหว่างพักสายตาให้มองไปยังพื้นที่สีเขียว จะช่วยปรับสมดุลสายตาได้เช่นเดียวกัน

อาการเจ็บตาไม่ใช่เรื่องที่จะละเลยอีกต่อไป หากพบอาการผิดปกติควรไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด และหยุดพูดคำว่า “ไม่เป็นหรอก แค่เจ็บตา หยอดยาเดี๋ยวก็หาย” เพื่อป้องกันโรคร้ายที่อาจจะตามมาในอนาคต ดวงตาเป็นสิ่งที่จะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จในชีวิต ดังนั้นควรหมั่นดูแลรักษาดวงตาของตนเองให้สุขภาพดีอยู่เสมอก่อนที่จะสายเกินไป